อุปกรณ์บันทึกข้อมูลภายนอก

       Floppy Disk

             สื่อ เก็บข้อมูลที่ถือได้ว่าเป็นสื่อที่อยู่มานานแสนนานแล้ว ก็คือฟลอปปี้ดิสก์ ซึ่งมีใช้กันมานาน หลายปีแล้วและยัง คงใช้กันอยู่ จนถึงทุกวันนี้ ฟลอปปี้ดิสก์ที่ใช้กัน มากทุกวันนี้ มีราคาถูกมากๆ  จากในอดีตที่จะเป็น ฟลอปปี้ดิสก์ขนาด 5.25 นิ้ว ซึ่งเป็นแผ่นใหญ่ บรรจุข้อมูล ได้ 1.2 เมกะไบต์ จะบรรจุข้อมูล ได้น้อยกว่าฟลอปปี้ดิสก์ รุ่นใหม่ในขนาด 3.5 นิ้ว ซึ่งจะบรรจุข้อมูล ได้มากกว่า ถึง 1.44 เมกะไบต์ ในขนาดของแผ่นที่เล็กกว่า

      ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk)

      เป็น อุปกรณ์ที่สำคัญของเครื่องหลังจากการทำงาน ไฟล์ต่างๆก็จะถูกคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูล บันทึกไว้ในฮาร์ดดิสก์ ถ้าหากฮาร์ดดิสก์มีความจุมากก็ยิ่งสามารถบันทึกข้อมูลลงได้มากๆอีกทั้งยัง เป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการเพื่อให้สามารถเรียกให้โปรแกรมต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้

      ข้อดีและข้อจำกัดของฮาร์ดดิสก์

                 ข้อดี

                           1. สามารถเก็บข้อมูลได้มาก

                           2. มีความรวดเร็วในการอ่าน/บันทึกข้อมูล

              

                ข้อจำกัด

                           1. เคลื่อนย้ายไปเครื่องอื่นลำบาก เนื่องจากต้องแกะออกมาจากภายในเครื่อง                             คอมพิวเตอร์

                           2. ชำรุดได้ง่ายถ้าโดนกระทบกระเทือน

                           3. ราคาแพง

           CD-ROM DRIVE   และสื่อบันทึกข้อมูลแบบต่างๆ

ลักษณะของ CD-Rom

            ซีดีรอม (CD-ROM : Compact Disk Read Only Memory) มีลักษณะเป็นแผ่นวงกลมคล้ายกับซีดีเพลง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 เซนติเมตร (4 3/4 นิ้ว) ทำมาจากแผ่นโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) ซึ่ง เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณลักษณะพิเศษหลายอย่าง และมีราคาที่ถูกลงมาก ซีดีรอมนี้ใช้หลักของแสงในการอ่าน/บันทึกข้อมูล เหมาะสำหรับข้อมูลที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อทำการบันทึกข้อมูลลงไปแล้ว จะไม่สามารถนำกลับมาแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลใหม่ได้อีก ยกเว้นแต่จะใช้แผ่นลักษณะพิเศษที่สามารถลบและบันทึกใหม่ได้ แต่ก็มีราคาแพงกว่าและต้องใช้เฉพาะกับเครื่องอ่าน/บันทึกอีกแบบหนึ่ง ซึ่งต่างจากเครื่องอ่านซีดีรอมโดยทั่วๆ ไป แผ่นซีดีรอมสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 680 MB หรือเก็บข้อมูลที่เป็นภาพและเสียงเช่น ภาพยนตร์หรือเพลงได้นานถึง 74 นาที ส่วนดีวีดี (Digital Video Disk) เป็น หน่วยเก็บข้อมูลสำรองอีกชนิดที่กำลังได้รับความนิยมมากเช่นกัน มีลักษณะคล้ายกับแผ่นซีดีรอม แต่สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าซีดีรอม 7 เท่าตัว (4.7 GB) และ จะมีพัฒนาการต่อไป ปัจจุบันดีวีดีนิยมใช้ในการบันทึกภาพยนตร์และมัลติมีเดีย ซีดีรอมและดีวีดีไม่สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง

        ข้อดีและข้อจำกัดของแผ่นซีดีรอม และดีวีดี

                   ข้อดี 

                           1.    สามารถบรรจุข้อมูลได้มาก 

                           2.    เก็บรักษาได้นานนับสิบๆ ปี 

                           3.    พกพาและนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้สะดวก

                           4.   อ่านข้อมูลได้รวดเร็ว และข้อมูลไม่มีทางสูญหาย

                  ข้อจำกัด

                           1.    ไม่สามารถลบหรือบันทึกข้อมูลได้ ยกเว้นมีเครื่องหรือแผ่นชนิดพิเศษ 

                           2.    แม้แผ่นซีดีรอมจะมีราคาถูกลง แต่แผ่นดีวีดียังมีราคาที่แพงอยู่

          DVD-ROM Drive และสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ

   DVD ในชื่อเต็มว่า Digital Video Disc ดีวีดีมีเมื่อปี 1995 หลังจากซีดี 13 ปี โดยมีกลุ่มพันธมิตรใหม่ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นสมาคม ดีวีดี  (DVD Consortium) มีบริษัทฟิลิปส์ โซนี่ และอีก 7 บริษัทได้แก่ ฮิตาชิ แมทซูชิต้า (พานาโซนิค)  ไพโอเนียร์ มิตซูบิชิ เจวีซี ธอมสัน โตชิบ้า และบริษัทไทม์  วอร์นเนอร์  แรกๆใช้ชื่อเต็มว่า "Digital Video Disc" ต่อมา เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ปี 1996 สมาคม ผู้ผลิตภาพยนตร์สหรัฐอเมริกาและสมาคมผู้ผลิตสินค้าเนื่องจากซอฟต์แวร์หรือ ข้อมูลที่รองรับจะเกี่ยวกับด้านมัลติมีเดียและภาพยนตร์ ต่อมามีการประยุกต์ใช้ดีวีดีให้สามารถรองรับการทำงาน ด้านอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะความสามารถในการเก็บบันทึกข้อมูลต่างๆ นอกจากภาพยนตร์วีดีโอ เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Digital Versatile Disc แทนแต่ก็ยังคงเรียกใช้ทั้งสองแบบ หลังจากบริษัทโซนี่ และฟิลิปส์ ได้ร่วมมือกันพัฒนาซีดีรูปแบบต่างๆ ออกมาสู่ตลาดโลกและพัฒนาสื่อ DVDอีกชนิดหนึ่งโดยรูปลักษณ์ภายนอกของแผ่น DVD นั้นมีลักษณะเช่นเดียวกันกับแผ่นซีดีถ้าไม่บอกหรืออ่านโลโก้บนแผ่นเพียง มองดูด้วยตาเปล่าก็คงแยกไม่ออกว่าแผ่นใดเป็น DVD แผ่นใดเป็นซีดีธรรมดา แผ่น DVD สามารถเก็บข้อมูลได้มากเมื่อเทียบกับแผ่นซีดี มาตรฐานสามารถเก็บข้อมูลได้ 700 เมกะไบต์ แต่แผ่น DVD สามารถเก็บได้มากกว่าถึง 7 เท่า ในแบบ 1 ชั้น (Layer) คือประมาณ 4.7 กิกะไบต์

        ประเภทของแผ่นดีวีดี

ดีวีดีมีให้เลือกใช้งานหลายความจุ ซึ่งแต่ละแบบมีเทคนิคในการเก็บข้อมูลที่ไม่
เหมือนกัน ปัจจุบันแบ่งเป็น 4 รูปแบบตามความจุดังนี้

               1.    Single-Side, Single Layer หรือ DVD5 เป็นแผ่นที่ทำการจัดเก็บภาพได้เพียงชั้นเดียวและหน้าเดียว โดยสามารถบันทึกข้อมูลได้ 4.7 กิกะไบต์ DVD5 จะแบ่งใช้วัสดุ 2 แผ่น ประกบกัน จะใช้งานเพียงแค่ส่วนล่างเพียงแค่แผ่นเดียวในการบันทึกข้อมูลและ บันทึกลงไปเพียงแค่ชั้นเดียว แผ่นรูปแบบนี้ใช้งานแพร่หลายมากที่สุด

               2.    Single-Side, Dual Layer : หรือ DVD9จะคล้ายกับ DVD5คือการบันทึก ข้อมูลลงในหน้าเดียว แต่จะบันทึกข้อมูลไว้ 2 ชั้นกระบวนการผลิตจะเป็นวัสดุแผ่นเดียวบันทึก ข้อมูลได้ประมาณ 8.5 กิโลไบต์ จึงเรียกว่า DVD9 โดยทั่วไป DVD9 จะ ใช้บันทึกข้อมูลที่ต้องการรายละเอียดมากๆ เช่น ภาพยนตร์ที่ต้องการคุณภาพของภาพสูงๆ เรื่องยาวๆ ซึ่งจะบรรจุข้อมูลเสียงไว้อีกชั้นหนึ่ง

              3.    Double-Sided, Single Layer : หรือ DVD10สามารถบันทึกข้อมูลลงไปในแผ่นได้ทั้งสองหน้า และในแต่ละหน้าก็จะสามารถบันทึกข้อมูลได้เพียง 1 ชั้น แผ่นแบบนี้สามารถบันทึกข้อมูลได้เป็น 2 เท่าของ DVD5 คือสามารถบันทึกข้อมูลได้ 9.4 กิกะไบต์ ถึง 17 กิกะไบต์ นำไปบันทึกข้อมูลขนาดใหญ่มาก เช่น ภาพยนตร์ความยาวมากๆ 

            Flash   Drive

 Flash  Drive  (หรือที่หลายคนเรียก  Handy  Drive, Thumb  Drive, USB  Drive) เป็น อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือไฟล์จากคอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาติดตัวแต่ในขณะเดียวกันมีความจุสูง สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากตั้งแต่ 128 MB ถึง 4 GB และขนาดความจุข้อมูลก็ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  Flash   Drive เป็นอุปกรณ์นวัตกรรม IT ที่ในอนาคตทุกคนจะต้องมีและใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ตลอดเวลา เพราะมีคุณสมบัติที่โด่ดเด่นตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน 

Internet Café 

ประโยชน์ของการใช้  Flash  Driveในหลากหลายสถานการณ์ ซึ่งจะช่วยให้คุณจัดการกับไฟล์และข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย และรวดเร็วยิ่งขึ้น  คือ
                    1.  เก็บไฟล์งานเพื่อนำไปทำที่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
                    2.  ใช้เก็บไฟล์งานที่ทำขึ้น ตอนไปใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Café
                    3.  ใช้เก็บรูปภาพดิจิตอล เวลาจะเอาไปอัดล้างภาพที่ร้าน
                    4.  ใช้เคลื่อนย้ายข้อมูลไปที่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
                    5.   ใช้เคลื่อนย้ายข้อมูลไปที่ Apple iMac,  iBook และ ใช้เคลื่อนย้ายข้อมูลข้ามระบบ

                    6.   ใช้เก็บโน้ตสำหรับสิ่งที่จะต้องทำ
                    7.    ใช้เก็บข้อมูล Email ที่สำคัญหรือเก็บทั้ง Email Box ของคุณ
                    8.    ใช้เก็บ Bookmark ของเว็บไซต์ต่าง ๆ
                    9.  ใช้เก็บข้อมูลติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ ที่ใช้บ่อย ๆ ใช้เก็บและอัพเดทตารางเวลาของคุณ
                   10.   ใช้เก็บข้อมูล Address book ของคุณทั้งหมด
                   11.   ใช้เก็บไฟล์ที่คุณดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ตเวลาไปใช้คอมพิวเตอร์คนอื่น
                   12.   ใช้เก็บข้อความแช็ท Chat Message เวลาไปใช้คอมพิวเตอร์ที่ 

                   13.   ใช้เก็บโน้ตข้อความ หรือข้อมูลอื่น ๆ เวลาไปใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Café
                   14.  ใช้ระบบปกป้องข้อมูลด้วย Password และ Data Encryption
                   15.   ใช้แบ็คอัพไฟล์งานชั่วคราว และใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญ ๆ แบบถาวร
                   16.   ใช้ซอฟท์แวร์ Email บน Flash  Drive เพื่อให้สามารถเช็ค Email ได้
                   17.   ใช้ซอฟท์แวร์ Email บน Flash  Drive เพื่อเก็บ Email ทั้งหมดของคุณ
                   18.   ใช้ซอฟท์แวร์ Email บน Flash  Drive เพื่อเก็บข้อมูลติดต่อ Addressbook

        เทคโนโลยี Blu-Ray

   Blu-ray หรือ Blu-ray Disc (BD) เป็นชื่อของเทคโนโลยีมาตรฐานใหม่สำหรับออฟติคอลดิสก์ ที่ถูกผลักดันให้มาแทนมาตรฐาน DVD ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดย Blu-ray นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาให้สามารถบันทึกข้อมูลวิดีโอรายละเอียดสูง high-definition video (HD) หรือใช้เก็บไฟล์ข้อมูลได้มากกว่า DVD หลายเท่าตัว ซึ่ง Blu-ray แบบ single-layer นั้นจะมีเนื้อที่เก็บข้อมูล 25GB ส่วนแบบ double-layer นั้นจะเก็บข้อมูลได้สูงถึง 50GB เลยทีเดียว โดยจะช่วยให้ภาพยนตร์ต่างๆที่ถูกบันทึกลงแผ่นดิสก์ Blu-ray นั้นมีรายละเอียดต่างๆทั้งด้านภาพ และเสียงสูงกว่า DVD ขึ้นไปอีก ส่วนที่มาของชื่อ Blu-ray นั้นจะมาจากการที่ใช้แสงเลเซอร์สีน้ำเงิน-ม่วงในการอ่านและเขียนแผ่นดิสก์ แทนการใช้แสงเลเซอร์สีแดงเหมือนกับ DVD ซึ่งแสงเลเซอร์สีน้ำเงิน-ม่วงนั้นจะมีความยาวของคลื่น 405nm ที่สั้นกว่าแสงเลเซอร์สีแดงที่มีความยาวคลื่น 650nm ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลลงไปในแผ่นดิสก์ได้มากขึ้นในเนื้อที่เท่าเดิม โดยว่ากันคร่าวๆแล้ว Blu-ray จะสามารถเก็บวิดีโอความละเอียดสูงได้นานถึง 9ชั่วโมงในแผ่นดิสก์แบบ double-layer และสามารถเก็บไฟล์วิดีโอที่บีบอัดตามมาตรฐานที่ใช้ใน DVD ปัจจุบันนี้ได้นานต่อเนื่องถึง 23ชั่วโมงเลยทีเดียว รวมถึงบันทึกความละเอียดสูง

        เทคโนโลยี HD-DVD

   HD-DVD ได้รับการสนับสนุนจากโตชิบา และเอ็นอีซี ส่วน Blu-ray มี โซนี่หนุนหลัง บทวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ว่า สุดท้ายแล้วฮอลลีวูดคงจะต้องเลือกแค่เพียงมาตรฐานเดียว และมาตรฐานที่จะได้รับเลือก แผ่นดีวีดีโดยทั่วๆ ไปมีความจุ 4.7 กิกะไบต์ โดยเป็นขนาดความจุที่สามารถเก็บ ภาพยนตร์ขนาดความยาว 135 นาทีได้ในรูปแบบภาพวิดีโอมาตรฐานที่ถูกบีบอัดแล้ว  ความ จุขนาดนี้แม้จะมากก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถเก็บภาพยนตร์ในรูปแบบวิดีโอแบบความคมชัดสูงได้ โดยถ้าต้องการเก็บภาพยนตร์ความยาวเท่ากันในรูปแบบวิดีโอความคมชัดสูงแบบบีบ อัดจะต้องการพื้นที่เพิ่มมากถึงห้าเท่า ทำให้ Blu-ray และ HD-DVD ถือกำเนิดขึ้นมาโดยใช้แสงเลเซอร์ที่ใช้ในการอ่านและเขียนแผ่นดิสก์แบบใหม่ซึ่งเป็นแสงสีน้ำเงิน (ถ้าจะพูดจริงๆ คือแสงสีน้ำเงิน-ม่วง) 

          Card Reader 

ในยุคเทคโนโลยีเช่นนี้มีอุปกรณ์ให้ศึกษามากมาย ไม่ว่าจะเป็น พีดีเอ, สมาร์ทโฟน, กล้องดิจิตอล รวมไปถึงเกมมือถืออย่างเช่น Playstation Portable (PSP) สิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับอุปกรณ์เหล่านี้คือหน่วยความจำเสริม (Expansion Memory Card) หรือที่เรามักจะเรียกติดปากกันว่า "การ์ด" หน่วยความจำที่เรามักจะพบเห็นในท้องตลาดมีมากมาย เช่น Secure Digital (SD) Card, Compact Flash (CF) Card, MultiMedia Card (MMC), xD Card หรือ Memory Stick (MS) หน่วยความจำแต่ละประเภทก็แบ่งย่อยไปได้อีกมากมาย เมื่อเราใช้งานหน่วยความจำหลายประเภท อุปกรณ์ที่เรียกว่า "Card Reaer" จึงเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงนั่นก็คือ Card Reader นั้นไม่ได้เป็นอุปกรณ์ที่ "จำเป็น" ต่อผู้ใช้งาน "ทุกคน" อุปกรณ์ส่วนใหญ่สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัย Card Reader เลยแม้แต่น้อย เช่นการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างพีดีเอ, สมาร์ทโฟน, กล้องดิจิตอล รวมไปถึงเครื่อง PSP เพียงแค่เรามี Data Cable เส้นหนึ่งก็สามารถทำงานได้แล้ว

                                                                                          ภาพจากgoogle.com

Card Reader ที่นำมาใช้งานร่วมกับ Memory Stick ของเครื่อง PSP นั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1.Memory Stick Card Reader
   Card Reader ประเภทนี้ มักจะพบเห็นว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่ผลิตโดยบริษัท Sony เอง อาจมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเม้าท์, MS USB Card Reader หรือ Memory Stick Slot ของเครื่องโน้ตบุค VAIO อุปกรณ์เหล่านี้มักจะต้องอาศัยไดรเวอร์ในการทำงาน ซึ่งโดยแท้จริงแล้วทาง Sony ได้พัฒนาคุณสมบัติ Mass Storage Device รวมอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ด้วย คุณสมบัตินี้ถือได้ว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญในการใช้งานโปรแกรมต่างๆ ที่ทาง Sony เลือกนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของตน ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม Sonic Stage หรือ Image Converter ข้อดีของ Card Reader ประเภทนี้คือมักจะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว แต่สามารถใช้งานได้กับหน่วยความจำประเภท Memory Stick ได้เพียงอย่างเดียว

                                                                                            ภาพจากgoogle.com

2.Multi Card Reader
Card Reader ประเภทนี้เราอาจจะพบเห็นได้ง่ายในท้องตลาด มีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ 4 in 1 (ในสมัยแรกๆ) จนถึง 27 in 1 (อย่างในปัจจุบัน) ข้อดีของ Card Reader ประเภทนี้ก็คิอสามารถใช้ร่วมกับหน่วยความจำได้หลายประเภท พกพาได้สะดวก บางรุ่นสามารถเก็บหน่วยความจำได้ด้วย อัตราการรับส่งข้อมูลขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น ชนิดของหน่วยความจำที่นำมาใช้งานก็มีให้เลือกแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่อาจจะต้องคำนึงเวลาเลือกซื้อ นั่นคือสนับสนุนการใช้งานหน่วยความจำประเภทนั้นๆ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ Card Reader บางรุ่นไม่มีข้อมูลบอกใดๆ มีเพียงสินค้าและ package เป็นพลาสติกใสๆ เท่านั้น

                                                                                              ภาพจากgoogle.com

มาดูต่อว่าDVDคืน

มงคล  แก้วเกษการ.  (2548).    ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์.   ค้นคืนเมื่อ   

               มิถุนายน 13 ,2554, 

               จาก  http://61.91.205.171/@ongarge_col/biblio.html .

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ.  ซอฟแวร์.                    
                ค้นคืนเมื่อมิถุนายน 13, 2554, 

                จากhttp://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/software/sofeware/